ข้อมูลเบื้องต้น
เเสงสว่าง
ภายใต้ร่มไทรใหญ่ที่ขยายรากยาวขนดพันกันจนแทบจะปกคลุมหลังคากระเบื้องมุงบ้านปูนหลังย่อม ยามค่ำคืนแสงไฟสลัวจากหน้าต่างห้องของ ลลิน ลอดเล็ดออกมา ตัวหล่อนเองยังไม่รู้สึกง่วงยังคงนั่งเหม่อมองไปยังรั้วไม้หน้าบ้าน ทว่าไม่มีวี่เเววของบุคคลที่หล่อนกำลังรอ
หรือจะยังไม่กลับนะ หล่อนนึกอยู่ในใจ สายตาเเสดงความหวาดกลัวกับความคิดที่สับสน แต่ก็ดึงสติกลับมาได้ ยิ่งดึกเสียงงึมงำของสิ่งจราจรก็เงียบหายไปราวกับสั่งได้ เพียงชั่วครู่หล่อนก็รู้สึกว่าหนังตากำลังเลื่อนลงมาปิดดวงตาที่มัวลงเรื่อยทุกขฯจนสติสัมปชัญยะหลุดลอยไป...
"แม่มานอนอะไรตรงนี้จ๊ะ" ลลินร้องเสียงหลงเมื่อพบมารดาหลับคุดคู้อยู่หน้าเเคร่ไม้ใต้ต้นไทรหน้าบ้าน หล่อนได้เเต่เพียงส่งเสียงเรียกมารดาจนนางเริ่มงัวเงียพยุงตนเองลุกขึ้น
"อ้าว ลินเช้าเเล้วเหรอจ๊ะ" ลลินีผู้เป็นมารดากล่าวทักทายยามเช้ากับหล่อนแทน พลางยันกายไปประคองหล่อนพาเข้าบ้าน ลลินได้เเต่ก้มมองมือเรียวยาวของตนแทนความผิด เมื่อเข้าบ้านมารดาก็กุลีกุจอเข้าห้องครัวเล็กกระทัดรัดหรือมิอาจเรียกว่าเป็นห้องได้เพราะมันก็ถูกวางเรียงข้างโซฟาสีชาเก่าๆ มารดาของหล่อน นางกำลังชงกาเเฟเข้มข้นสองถ้วยที่กำลังร้อนๆ พลางส่งให้หล่อนถ้วยหนึ่ง ลลินประคองรับไว้
"แม่คะ เมื่อคืนเเม่กลับดึกนะ" ลลินถามมารดาด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงสั่นฟังดูเหมือนหล่อนจะร้องไห้ ลลินีได้แต่มองดูลูกสาวด้วยความเอ็นดูตอบ
"แม่คะ สัญญากับลินสิคะว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก...นะคะแม่" ลลินส่งสายตาวิงวอนประดุจลูกนกให้ผู้เป็นมารดา ลลินีได้เเต่พยักหน้าตอบลูกสาว แต่ตอนนี่จิตใจของหล่อนยังคงหวั่นลึกๆเรื่องเมื่อคืน เมื่อสังเกตเห็นเเววสงสัยในดวงตาของลูกสาว นางก็รีบสาวเท้าเข้าครัว ลงมือล้างจานชามที่ค้างไว้เเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ นึกเเล้วก็อดสงสารลูกไม่ได้ที่มีแม่เเบบนาง
"หมอคะลูกสาวฉันมีโอกาสหายมั๊ยคะ" ลลินีถามถึงอาการของลูกสาวทันทีเมื่อได้เข้าพบหมอหนุ่มประตำตัวของลูกสาว แต่เมื่อได้ฟังถึงคำตอบและทางรักษานางก็เเทบจะเป็นลม จนหมอต้องเรียกพยาบาลให้มานำตัวหล่อนออกไปปฐมพยาบาล เมื่อหายจากอาการลมจับนางก็รีบสาวเท้าพาตัวเองออกจากโรงพยาบาล เก้าขึ้นรถสปอร์ตติดฟิล์มดำหายไปทันที
"แม่จ๋าตอนนี้แม่อยู่ไหน หายไปแบบนี้รู้มั๊ยลินเป็นห่วง" ลลินพึมพำกับตัวเองอย่างเหม่อลอย ร่างบอบบางของเด็กสาวทอดกายบนโซฟาเก่า กลิ่นคละคุ้งของน้ำเน้าในคูน้ำลังบ้านหลังบ้าน นัยย์ตาของหล่อนมีคราบน้ำตาเปื้อนเปรอะเป็นด่างดวง นี่มารดาของหล่อนหายไปถึงสองวันเต็มย่างเข้าคืนที่สอง เงามืดเริ่มเข้ามาเยือน แสงจันทร์เล็ดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในตัวบ้าน
ชั่วขณะที่หญิงสาวเหม่อลอยไป อีกทีก็เหมือนมีผู้มาเยือนก้าวมาอยู่ในบ้านเสียแล้ว เด็กสาวกลัวจนเนื้อตัวสั่นสะท้านได้เเต่ร้องระคนในใจ
"ลินจ๊ะ" เสียงนี้คุ้นๆ มารดาของหล่อนนั่นเอง
"แม่จ๋า แม่" ลลินดีใจร้องเรียกมารดาเสียจนเสียหลักตกจากโซฟาสีชา ผิวบอบบางกระทบกับพื้นปูนเปื้อนฝุ่นอย่างเเรง
"ลิน ลินลูกเป็นอะไรรึเปล่า ลิน..ลิ.."
"ไม่เป็นไรคะเเม่ ลินดีใจเหลือเกิน แม่...แม่กลับมาเเล้ว" ลลินดีใจโผเข้ากอดมารดาเสียเเทบขาดใจ จากนี้หล่อนจะไม่ยอมปล่อยมารดาให้ไปไหนอีกแล้ว ลลินีตกใจที่ถูกลูกสาวจู่โจมกอดเสียจนเเทบหายใจไม่ออก
"ลิน โอ๊ย ลิน แม่...แม่จะตายอยู่เเล้วนะจ๊ะลูก"
ลลินตกใจ รีบคลายวงเเขนท่กระวัดรอบตัวมารดาออกอย่างเร็ว
"โอ๊ยลินจ๋า นี่หนูจะปล่อยใม่ขาดใจตายคาอ้อมเเขนลูกเหรอ" มารดาทักท้วงหล่อนอย่างอ่อนโยน พลางประคองร่างเด็กสาวให้ลุกขึ้นวางกายบนโซฟาสีชา ก่อนซักถามอย่างเป็นห่วง แต่ลลินก็เอาเเต่ตัดพ้อมารดาตลอด จนเธอถามถึงสาเหตุที่หล่อนหายไปหลายวัน
"แม่คะ นี่เเม่ของลลินหายไปไหนนานจังคะ" แววตาของบุตรสานที่มองมานั้น ใสซื่อบริสุทธิ์เสียจนทำให้มารดาใจอ่อน นางได้เเต่ตอบตามความเป็นจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถึงบุคคลที่หล่อนหายไปอยู่ด้วยถึงสองสามวันเต็มๆ
ลลินมองหน้ามารดาด้วยสายตาอ้อนวอน
"แม่คะ ไม่จำเป็นเลยที่เเม่จะต้องทำอะไรที่ผิดศีลธรรมเเบบนั้นนี่คะ" ลลินค้อนมารดาอย่างจริงจัง
"มันจำเป็นนะลูก...ลิน แม่จำแป็นต้องทำ.........เพื่อลูก"
เเววตาของมารดาทำให้หล่อนน้อยใจลึกๆที่หล่อนเกิดมาไม่พร้อม และทำให้มารดาต้องลำบากเพราะหล่อนเองแท้ๆ นึกเเล้วหล่อนก็ใจหายพลางประคองตนเองเข้าห้องนอนไป
ค่ำคืนต่อมา ลลินยังคงเฝ้ามองตามร่างของมารดาที่มีหนุ่มใหญ่รุ่นพ่อโอบเอวพาขึ้นรถเก๋งคันงางเเล่นหายไปจากหน้าบ้านหล่อน บุรุษทีเเม่ต้องคอยปรนณิบัติรับใช้เรื่องของหญิงชาย แม้หล่อนจะรู้สึกรังเกียจอาชีพนี้เเต่เมื่อมันเป็นทางเลือกที่หล่อนเลือกให้ผู้เป็นมารดาต้องปฏิบัติเพื่ออนาคตที่มองไม่เห็นของหล่อนเอง...ตอนนี้เด็กสาวรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา น้ำตาหยดใสๆไหลหยดบนขาทั้งสองข้างของเด็กสาว......ขาที่ไม่เคยยืนหยัดบนพื้น มีเพียงรถเขนคนพิการเท่านั้นที่เหมาะกับมัน...ชีวิตของเด็กสาวที่เกิดมานั่งบนรถเข็น ก็เหมือนกับการมีชีวิคอยู่รอเเสงสว่างเท่านั้นเอง
ความคิดเห็น